ช่วงนี้ผู้ที่หลงเข้ามาอ่านบางคนน่าจะได้ยินกับคำว่า GDE หรือ Google Developer Experts กันบ้างแล้ว เพราะว่าพี่เนยแห่ง NuuNeoI และ The Cheese Factory พึ่งได้รับตำแหน่งดังกล่าวไปไม่นานมานี้

บทความวันนี้ขอผ่อนคลายจากโค้ดกันบ้าง โดยเจ้าของบล็อกขอหยิบเจ้าแผ่นพับที่เจ้าของบล็อกได้จากงาน Google Developer Summit มาเขียนเป็นบทความให้ได้อ่านกันเล่นๆ

สำหรับผู้ที่หลงเข้ามาอ่านที่ใช้ Dependencies ส่วนใหญ่จะรู้กันอยู่แล้วว่าเวลาที่กำหนด Package ของ Library ถ้าใส่เครื่องหมาย + ในเลขเวอร์ชันก็จะเป็นการค้นหาเวอร์ชันล่าสุดมาให้ทันที

การใช้ Dependency ใน Android Studio จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความวุ่นวายของ Library ได้เป็นอย่างมาก ทำให้นักพัฒนาอย่างเราๆทำแค่เพียงกำหนด Package ของ Dependency เท่านั้น ที่เหลือ Gradle จัดการให้เองหมด

มาทำให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยการกำหนด Path ของ Android SDK ไว้ใน Environment Variable ซะ เพื่อที่ว่าจะได้เรียกใช้คำสั่งอย่าง adb หรือ fastboot ได้ทันที

มาทำให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยการกำหนด Path ของ Android SDK ไว้ใน Environment Variable ซะ เพื่อที่ว่าจะได้เรียกใช้คำสั่งอย่าง adb หรือ fastboot ได้ทันที

ว่าแต่บน Android Studio มีไฟล์อะไรบ้างเนี่ย

บทความนี้มีไว้อวย Android Studio โดยเฉพาะ เพราะจะมานั่งพล่ามให้ฟังว่าเจ้าของบล็อกชอบอะไรบ้างใน Android Studio ที่ไม่มีใน Eclipse ADT (หรืออาจจะหาไม่เจอเอง) ซึ่งไปนั่งรวบรวมข้อดีที่พอจะนึกออกมาได้ 20 ข้อ

ในปัจจุบัน Google Play ได้บังคับให้แอปทุกตัวจะต้องทำแบบทดสอบสำหรับประเมินระดับของเนื้อหาภายในแอป เพื่อจัดกลุ่มและประเภทเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละวัย แต่ละประเทศ หรือที่เรียกว่า Content Rating

หลังจากที่ Android Studio ปล่อยออกมาให้ใช้งาน อาจจะมีผู้ที่หลงเข้ามาอ่านบางท่านสังเกตเห็นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .aar (Android ARchive) กันอยู่บ้าง ซึ่งไฟล์ดังกล่าวนี้ก็เป็นไฟล์ไลบรารีแบบเดียวกับ .jar

ในที่สุดก็ถึงเวลาการมาของ Android 5.1 แล้ว~ ซึ่งออกมาอย่างเงียบๆ ไม่ได้เปิดตัวเหมือนกับ Major Change รุ่นก่อนๆ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเจ้า Android 5.1 เสมือนมาเพื่อปรับปรุงแก้บั๊กของ Android 5.0 ซะมากกว่านั่นเอง

Plugin ที่จะช่วยให้การ Resize รูปเพื่อใช้เป็น Drawable Resource เป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันตาเห็น โดย Plugin ตัวนี้มีชื่อว่า Android Drawable Importer

เพราะ Android Studio เป็น IDE ที่พัฒนาโดยมี IntelliJ IDEA เป็นพื้นฐาน จึงทำให้นักพัฒนาสามารถติดตั้ง Plugin ต่างๆของ IntelliJ IDEA ได้เช่นกัน

บางคนอาจจะขัดใจจะต้องพิมพ์ตัวอักษรพิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ให้ถูกต้องด้วยถึงจะแสดงขึ้นมาให้ใน Code Completion อย่างน้อยเจ้าของบล็อกก็เป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องนี้คนหนึ่ง

หนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถทดสอบแอปบนอุปกรณ์แอนดรอยด์ได้แบบง่ายๆ

หลังจากที่สร้างโปรเจคขึ้นมาและทำการเขียนโค้ดไปได้ซักพักแล้ว หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญแต่ไม่จำเป็นต้องรีบทำนั่นก็คือการใส่ภาพไอคอนของแอปนั่นเอง เพื่อให้แอปของผู้ที่หลงเข้ามาอ่านมีเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำได้ง่ายสำหรับผู้ใช้

ในการส่งแอปขึ้น Android App Store ใด ๆ จะต้องมีขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับการ Build เพื่อทำให้โค้ดในโปรเจคกลายเป็นไฟล์ APK ที่แตกต่างจากการกดปุ่ม Run App ในระหว่างพัฒนาแอป เพราะว่าผู้ที่หลงเข้ามาอ่านจะต้องสร้าง Signed APK เท่านั้นถึงจะส่งขึ้น Android App Store ได้

มาเปลี่ยนสีให้กับ Logcat ใน Android Studio ให้มีสีสันยิ่งขึ้นกันเถอะ

เพราะสิ่งที่นักพัฒนาไม่ควรมองข้ามก็คือการทำความรู้จักกับเครื่องของตนเอง

เพราะการเขียนโค้ดในสมัยนี้ไม่ได้มีแค่โค้ดระดับหลักพันบรรทัด แต่อาจจะมากถึงหมื่นไปจนถึงล้านบรรทัดก็เป็นได้

เมื่อผู้ที่หลงเข้ามาอ่านได้พัฒนาแอปของตัวเองจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขั้นตอนต่อไปก็ถึงเวลาของการส่งแอปขึ้น Google Play กันแล้ว